2 เกมสุดคลาสสิคนัดชิง ยูโรป้าลีก
การแข่งขัน ยูโรป้าลีก 2024 นัดชิงชนะเลิศระหว่าง อตาลันต้า พบกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ใกล้จะระเบิดศึกเต็มที เนื่องในโอกาสนี้ เราขอพาคุณย้อนกลับไปชมเกมนัดชิงที่น่าจดจำมากที่สุดสำหรับฟุตบอลถ้วยยุโรป และนี่คือ 2 เกมสุดคลาสสิคที่เชื่อว่าแฟนบอลลูกหนังยุโรปน่าจะยังคงจำกันได้ดี
1998 – ลาซิโอ 0-3 อินเตอร์ มิลาน
ย้อนกลับไปในปี 1998 การแข่งขัน ยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบชิงชนะเลิศ ในสมัยที่ยังใช้ชื่อ ยูฟ่าคัพ เป็นการพบกันของสองทีมจากลีกอิตาลี เมื่อ อินเตอร์ มิลาน โคจรมาพบกับ ลาซิโอ คู่แข่งร่วมลีก
ในเวลานั้น ลาซิโอ มีนักเตะอย่าง อเลสซานโดร เนสต้า, พาเวล เนดเวด และโรแบร์โต้ มันชินี่ ถือเป็นผู้เล่นที่คู่แข่งต้องเกรงขาม ขณะที่ อินเตอร์ มี อิวาน ซาโมราโน่, ตาริโบ เวสต์, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ และ โรนัลโด่
ในตอนนั้น โรนัลโด้ วัยหนุ่มกำลังร้อนแรง เขาเป็นกองหน้าที่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับแนวรับได้ดีที่สุด ด้วยอายุเพียง 21 ปี ยอดแข้งชาวบราซิลรายนี้อยู่ในจุดสูงสุดของปี 1998 โดยเขายิงได้ร่วมๆ 100 ประตูรวมทุกรายการทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติในฤดูกาล 1996/97 และ 1997/98 ซึ่งถือว่าเหลือเชื่อ เพราะในตอนนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้
ส่วน ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ แบ็คขวาชาวอาร์เจนติน่าเป็นฟูลแบ็กตัวฉกาจในปี 1998 (ต่อมาเขาย้ายมาเล่นในตำแหน่งกองกลาง) และรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า คัพครั้งนั้นทำให้เขาได้ถ้วยรางวัลเป็นครั้งแรก ขณะที่ผู้เล่นที่น่าสนใจในนัดชิงครั้งนั้นอีกรายคือ พาเวล เนดเวด ปีกชาวเช็กเพิ่งลงเล่นในฤดูกาลที่สองของเขาในอิตาลี นี่คือเกมที่อัดแน่นไปด้วยสตาร์ดังที่กำลังจะเป็นตำนานโลกฟุตบอลในเวลาต่อมา นั่นทำให้เกมดังกล่าวกลายเป็นแมตช์ชิงชนะเลิศ ยูโรป้าลีก ที่คลาสสิคที่สุดครั้งหนึ่ง
เกมนั้น อินเตอร์ ขึ้นนำภายใน 5 นาทีเมื่อ อิวาน ซาโมราโน่ ยิงประตูได้ จากนั้น ซาเน็ตติ มายิงเพิ่มเป็น 2-0 ในครึ่งหลังนาทีที่ 60 ต่อด้วยลูกยิงปิดท้ายของ โรนัลโด้ R9 พาอินเตอร์ถล่ม ลาซิโอ 3-0 คว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นค่ำคืนดังกล่าว โรนัลโด้ ร่ายมนต์สะกดคนดูทั้งสนามกับลีลาสไตล์แซมบ้าของเขาที่เกมรับของ ลาซิโอ แทบจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย
2003 – กลาสโกว์ เซลติก 2-3 เอฟซี ปอร์โต้
เอฟซี ปอร์โต้กลายเป็นทีมแรกที่คว้าถ้วยแชมป์จากกฎซิลเวอร์โกล ซึ่งเป็นกติกาที่ในช่วงต่อเวลาพิเศษหากมีทีมใดทำประตูได้ไม่ว่าจะครึ่งแรกหรือครึ่งหลังก็ให้แข่งต่อไปจนกว่าจะหมดครึ่งเวลา
ปอร์โต้ พวกเขาเอาชนะความท้าทายของ กลาสโกว์ เซลติก ในการคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพเป็นครั้งแรก โดย แดร์เลย์ รับบทเป็นฮีโร่ของปอร์โต้ ด้วยการต่อยอดฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมของตัวเองในการแข่งขันรายการนี้ เมื่อทำประตูชัยหลังจากผ่าน 115 นาทีของการแข่งขันที่น่าจับตามองที่เอสตาดิโอ โอลิมปิโก้ ในเซบีญ่า ซึ่งเป็นประตูที่ 2 ของเขาในเกมดังกล่าว นั่นทำให้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ ยูฟ่าคัพ ซีซั่นนั้นด้วยประตูรวม 12 ลูก
ในยุคนั้น ปอร์โต้ มี เดโก้ อดีตกองกลางทีมชาติโปรตุเกส เป็นศูนย์กลางของการจ่ายบอล และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไม ปอร์โต้ ในยุคนั้นมีการจ่ายบอลที่งดงาม และเกมกลางสนามอันตรายสุดๆ สำหรับคู่แข่ง เขาเป็นนักเตะที่รูปร่างไม่ได้สูงใหญ่ ไม่มีความเร็ว หรือแข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่การควบคุมบอลของเดโก้ และระยะการส่งบอลที่น่าทึ่งทำให้เขากลายเป็นสุดยอดกองกลางของ ปอร์โต้ ในยุค โชเซ่ มูรินโญ่ เวลานั้น
เดโก้ ย้อนความทรงจำถึงการเล่นของเขาในนัดนั้นว่า “ผมได้บอลจากกองหลัง ผมเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้ และอเลนิเชฟก็เคลื่อนไหวได้ดีมาก และผมเห็นสิ่งนั้นจึงจ่ายบอลให้เขา มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างง่ายที่จะทำ มันเป็นเพียงเรื่องธรรมชาติเท่านั้น สถานการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันครั้งนี้”
ขณะที่ มูรินโญ่ เองยอมรับว่า เกมนั้น เซลติกพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และเดโก้ก็สร้างความแตกต่างที่สำคัญได้อย่างแน่นอน การสูญเสีย จอร์จ คอสต้า และ คอสตินญ่า จากอาการบาดเจ็บระหว่างการแข่งขันถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่ที่สำคัญคือ เดโก้ ยังคงอยู่จนจบเกม เพื่อเป็นแนวทางในการโจมตีของปอร์โต้
“สิ่งที่ผมต้องการคือการได้ลิ้มรสตำแหน่งแชมป์นี้แล้วค่อยคิดถึงเรื่องอื่นในภายหลัง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเฉลิมฉลอง” มูรินโญ่ กล่าวหลังจบเกม และสำหรับแฟนๆที่สนใจ ทีเด็ด SBOTOP และ ยูโรป้าลีก 2024 ทีเด็ดเดิมพัน รวมไปถึง ยูโรป้าลีก 2024 ผลการแข่งขัน สามารถติดตามข่าวได้ที่นี่
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน
